Search
Close this search box.

Day: October 3, 2024

โซลูชัน 5G UPF ที่ประหยัดพลังงานของ Mavenir คว้ารางวัล Leading Lights Network Energy Efficiency

การทำงานร่วมกับ Intel และ NVIDIA ได้กำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรม ริชาร์ดสัน รัฐเท็กซัส, Oct. 03, 2024 (GLOBE NEWSWIRE) — Mavenir ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายแบบคลาวด์เนทีฟที่สร้างอนาคตให้กับเครือข่ายต่าง ๆ ได้รับรางวัล Leading Lights Network Energy Efficiency สำหรับโซลูชัน 5G User Plane Function (UPF) ที่ประหยัดพลังงาน Mavenir ได้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จอันโดดเด่นด้วยโซลูชัน UPF ซึ่งทำให้ลูกค้าของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ประหยัดพลังงานได้สูง มีประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และมีสมรรถนะเพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพที่น่าประทับใจนี้มาพร้อมกับการประหยัดพลังงานได้สูงถึง 40% แม้จะอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่มีความต้องการสูงสุด เช่น ช่วงการโหลดรับส่งข้อมูลเต็ม 100% โดยเกิดจากการใช้เทคโนโลยี NVIDIA ASAP2 Accelerated Switching & Packet Processing ของ Mavenir ซึ่งช่วยให้ Mavenir สามารถเร่งความเร็ว Data Plane หรือส่วนของเครือข่ายที่ทำหน้าที่รับส่งข้อมูล UPF บนโซลูชัน NVIDIA ได้ และมีบทบาทสำคัญในการประหยัดพลังงาน การใช้ประโยชน์จากฟังก์ชัน Intel Infrastructure Power Manager ช่วยส่งเสริมให้ประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นได้สูงสุดถึง 62% ในระหว่างที่โหลดข้อมูล 50% และอยู่ในสถานการณ์โหลดขณะไม่ได้ใช้งาน นวัตกรรมที่สำคัญและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสามารถเกิดขึ้นได้จริงเมื่อมีทั้งผู้นำในอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย สถาปัตยกรรมแบบเนทีฟคลาวด์ของ Mavenir ผสานรวมกับโปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable รุ่นที่ 4 และเทคโนโลยีเร่งความเร็ว NVIDIA ConnectX®-6 Dx SmartNIC ได้อย่างลงตัว การผสมผสานอันทรงพลังนี้ช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สองต่อ ทั้งประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นและการประมวลผลแพ็กเก็ตที่มีสมรรถนะสูง Ashok Khuntia ประธาน Core Networks ของ Mavenir กล่าวว่า “เราไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการประหยัดพลังงานและการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับเครือข่ายหลัก 5G ได้มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเท่านั้น

โซลูชัน 5G UPF ที่ประหยัดพลังงานของ Mavenir คว้ารางวัล Leading Lights Network Energy Efficiency

การทำงานร่วมกับ Intel และ NVIDIA ได้กำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรม ริชาร์ดสัน รัฐเท็กซัส, Oct. 03, 2024 (GLOBE NEWSWIRE) — Mavenir ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายแบบคลาวด์เนทีฟที่สร้างอนาคตให้กับเครือข่ายต่าง ๆ ได้รับรางวัล Leading Lights Network Energy Efficiency สำหรับโซลูชัน 5G User Plane Function (UPF) ที่ประหยัดพลังงาน Mavenir ได้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จอันโดดเด่นด้วยโซลูชัน UPF ซึ่งทำให้ลูกค้าของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ประหยัดพลังงานได้สูง มีประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และมีสมรรถนะเพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพที่น่าประทับใจนี้มาพร้อมกับการประหยัดพลังงานได้สูงถึง 40% แม้จะอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่มีความต้องการสูงสุด เช่น ช่วงการโหลดรับส่งข้อมูลเต็ม 100% โดยเกิดจากการใช้เทคโนโลยี NVIDIA ASAP2 Accelerated Switching & Packet Processing ของ Mavenir ซึ่งช่วยให้ Mavenir สามารถเร่งความเร็ว Data Plane หรือส่วนของเครือข่ายที่ทำหน้าที่รับส่งข้อมูล UPF บนโซลูชัน NVIDIA ได้ และมีบทบาทสำคัญในการประหยัดพลังงาน การใช้ประโยชน์จากฟังก์ชัน Intel Infrastructure Power Manager ช่วยส่งเสริมให้ประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นได้สูงสุดถึง 62% ในระหว่างที่โหลดข้อมูล 50% และอยู่ในสถานการณ์โหลดขณะไม่ได้ใช้งาน นวัตกรรมที่สำคัญและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสามารถเกิดขึ้นได้จริงเมื่อมีทั้งผู้นำในอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย สถาปัตยกรรมแบบเนทีฟคลาวด์ของ Mavenir ผสานรวมกับโปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable รุ่นที่ 4 และเทคโนโลยีเร่งความเร็ว NVIDIA ConnectX®-6 Dx SmartNIC ได้อย่างลงตัว การผสมผสานอันทรงพลังนี้ช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สองต่อ ทั้งประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นและการประมวลผลแพ็กเก็ตที่มีสมรรถนะสูง Ashok Khuntia ประธาน Core Networks ของ Mavenir กล่าวว่า “เราไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการประหยัดพลังงานและการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับเครือข่ายหลัก 5G ได้มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเท่านั้น

LeddarTech จัดแสดง LeddarVision ที่งาน AutoSens Europe: นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพด้วยโปรเซสเซอร์จาก TI และความร่วมมือกับ Arm

นครควิเบก แคนาดา, Oct. 03, 2024 (GLOBE NEWSWIRE) — LeddarTech®Holdings Inc. (“Leddartech”) (Nasdaq: LDTC) บริษัทซอฟต์แวร์ยานยนต์ ซึ่งให้บริการเทคโนโลยีซอฟต์แวร์เซนเซอร์ฟิวชันและการรับรู้ระดับต่ำที่ขับเคลื่อนด้วย Ai และได้รับการจดสิทธิบัตรอย่าง LeddarVision สำหรับแอปพลิเคชัน Adas, Ad และระบบจอดรถ รู้สึกภูมิใจที่จะเน้นย้ำถึงการมีส่วนสนับสนุนที่สำคัญของ Texas Instruments และ Arm ในการยกระดับผลิตภัณฑ์ LeddarVision ที่ล้ำสมัยของบริษัท ลูกค้าได้รับเชิญให้มาสัมผัสกับนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคตด้วยเครื่องสาธิต LeddarNavigator ของ LeddarTech ที่งาน AutoSens Europe (8-10 ตุลาคม 2024) การจัดแสดงที่ล้ำสมัยครั้งนี้นำเสนอซอฟต์แวร์เซนเซอร์ฟิวชันและการรับรู้ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ขั้นสูงของบริษัทอย่าง LeddarVision พร้อมเน้นย้ำถึงพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีโปรเซสเซอร์ชั้นนำของอุตสาหกรรม เทคโนโลยีซอฟต์แวร์นี้เปิดใช้งานด้วยโปรเซสเซอร์ TDA4VE-Q1 ของ Texas Instruments และผสานรวมกับโปรเซสเซอร์ยานยนต์ของ Arm ได้อย่างราบรื่น ซึ่งถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในด้านประสิทธิภาพและศักยภาพ มาพร้อมกับการมีส่วนสนับสนุนของ Arm และ TI ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ LeddarVision: Arm ขับเคลื่อนนวัตกรรม ADAS ด้วยแพลตฟอร์มประมวลผลขั้นสูงที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการใช้งานในยานยนต์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพของ LeddarVision การปรับปรุงอัลกอริธึมที่เป็นหัวใจสำคัญของประสิทธิภาพภายในระบบการรับรู้และชุดฟิวชัน ADAS สำหรับ CPU ของ Arm ทำให้ Arm และ LeddarTech ลดปัญหาคอขวดในการประมวลผลและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบโดยรวมได้สำเร็จโดยใช้ Arm Cortex-A720AE CPU สำรวจความร่วมมือที่ก้าวล้ำนี้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น กรณีศึกษานี้ให้ข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับเส้นทางการทำงานของทั้งสององค์กรในการพยายามก้าวข้ามขีดจำกัดของนวัตกรรมและเป็นผู้บุกเบิกอนาคตด้านความปลอดภัยในยานยนต์ โปรเซสเซอร์ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ TDA4 ของ Texas Instruments (TI) ที่บูรณาการได้ดีเยี่ยมและคุ้มค่า ได้ถูกนำมาใช้ใน LeddarVision Front-Entry (LVF-E) ซึ่งถือเป็นโซลูชันการรับรู้แบบฟิวชันระดับต่ำที่ครอบคลุมตัวแรกในตลาดที่ใช้โปรเซสเซอร์ TDA4VE-Q1 เพียงอย่างเดียว การใช้งานที่มีประสิทธิภาพบนโปรเซสเซอร์ TDA4VE-Q1 ช่วยให้มีต้นทุนระบบต่ำที่สุดสำหรับ ADAS ระดับเริ่มต้น L2/L2+ โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพของระบบ TDA4VE-Q1 ที่ประมวลผลเซนเซอร์ฟิวชันในระดับต่ำ มอบการประมวลผลประสิทธิภาพสูงสำหรับทั้งอัลกอริธึมการมองเห็นแบบเดิมและการเรียนรู้เชิงลึก รวมถึงการเร่งความเร็วในการประมวลผลล่วงหน้า เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงในการบูรณาการระบบในขณะที่ใช้พลังงานและต้นทุนของระบบต่ำ สมาชิกในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Tda4 ที่สามารถใช้งานร่วมกันทั้งในด้านขาเชื่อมต่อและซอฟต์แวร์ ทำให้สามารถปรับขนาดให้เหมาะกับระบบที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าหรือระบบที่มีต้นทุนต่ำกว่า

LeddarTech จัดแสดง LeddarVision ที่งาน AutoSens Europe: นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพด้วยโปรเซสเซอร์จาก TI และความร่วมมือกับ Arm

นครควิเบก แคนาดา, Oct. 03, 2024 (GLOBE NEWSWIRE) — LeddarTech®Holdings Inc. (“Leddartech”) (Nasdaq: LDTC) บริษัทซอฟต์แวร์ยานยนต์ ซึ่งให้บริการเทคโนโลยีซอฟต์แวร์เซนเซอร์ฟิวชันและการรับรู้ระดับต่ำที่ขับเคลื่อนด้วย Ai และได้รับการจดสิทธิบัตรอย่าง LeddarVision สำหรับแอปพลิเคชัน Adas, Ad และระบบจอดรถ รู้สึกภูมิใจที่จะเน้นย้ำถึงการมีส่วนสนับสนุนที่สำคัญของ Texas Instruments และ Arm ในการยกระดับผลิตภัณฑ์ LeddarVision ที่ล้ำสมัยของบริษัท ลูกค้าได้รับเชิญให้มาสัมผัสกับนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคตด้วยเครื่องสาธิต LeddarNavigator ของ LeddarTech ที่งาน AutoSens Europe (8-10 ตุลาคม 2024) การจัดแสดงที่ล้ำสมัยครั้งนี้นำเสนอซอฟต์แวร์เซนเซอร์ฟิวชันและการรับรู้ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ขั้นสูงของบริษัทอย่าง LeddarVision พร้อมเน้นย้ำถึงพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีโปรเซสเซอร์ชั้นนำของอุตสาหกรรม เทคโนโลยีซอฟต์แวร์นี้เปิดใช้งานด้วยโปรเซสเซอร์ TDA4VE-Q1 ของ Texas Instruments และผสานรวมกับโปรเซสเซอร์ยานยนต์ของ Arm ได้อย่างราบรื่น ซึ่งถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในด้านประสิทธิภาพและศักยภาพ มาพร้อมกับการมีส่วนสนับสนุนของ Arm และ TI ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ LeddarVision: Arm ขับเคลื่อนนวัตกรรม ADAS ด้วยแพลตฟอร์มประมวลผลขั้นสูงที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการใช้งานในยานยนต์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพของ LeddarVision การปรับปรุงอัลกอริธึมที่เป็นหัวใจสำคัญของประสิทธิภาพภายในระบบการรับรู้และชุดฟิวชัน ADAS สำหรับ CPU ของ Arm ทำให้ Arm และ LeddarTech ลดปัญหาคอขวดในการประมวลผลและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบโดยรวมได้สำเร็จโดยใช้ Arm Cortex-A720AE CPU สำรวจความร่วมมือที่ก้าวล้ำนี้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น กรณีศึกษานี้ให้ข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับเส้นทางการทำงานของทั้งสององค์กรในการพยายามก้าวข้ามขีดจำกัดของนวัตกรรมและเป็นผู้บุกเบิกอนาคตด้านความปลอดภัยในยานยนต์ โปรเซสเซอร์ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ TDA4 ของ Texas Instruments (TI) ที่บูรณาการได้ดีเยี่ยมและคุ้มค่า ได้ถูกนำมาใช้ใน LeddarVision Front-Entry (LVF-E) ซึ่งถือเป็นโซลูชันการรับรู้แบบฟิวชันระดับต่ำที่ครอบคลุมตัวแรกในตลาดที่ใช้โปรเซสเซอร์ TDA4VE-Q1 เพียงอย่างเดียว การใช้งานที่มีประสิทธิภาพบนโปรเซสเซอร์ TDA4VE-Q1 ช่วยให้มีต้นทุนระบบต่ำที่สุดสำหรับ ADAS ระดับเริ่มต้น L2/L2+ โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพของระบบ TDA4VE-Q1 ที่ประมวลผลเซนเซอร์ฟิวชันในระดับต่ำ มอบการประมวลผลประสิทธิภาพสูงสำหรับทั้งอัลกอริธึมการมองเห็นแบบเดิมและการเรียนรู้เชิงลึก รวมถึงการเร่งความเร็วในการประมวลผลล่วงหน้า เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงในการบูรณาการระบบในขณะที่ใช้พลังงานและต้นทุนของระบบต่ำ สมาชิกในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Tda4 ที่สามารถใช้งานร่วมกันทั้งในด้านขาเชื่อมต่อและซอฟต์แวร์ ทำให้สามารถปรับขนาดให้เหมาะกับระบบที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าหรือระบบที่มีต้นทุนต่ำกว่า

Duck Creek Technologies เปิดตัว Payments Facilitator เพื่อสร้างโซลูชันการชำระเงินประกันภัยแบบครบวงจร

โซลูชันใหม่ช่วยให้การชำระเงินของบริษัทประกันง่ายขึ้น โดยมอบความสามารถในการทำธุรกรรมที่ปลอดภัยเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์ม Duck Creek ที่พิสูจน์แล้ว บอสตัน, Oct. 03, 2024 (GLOBE NEWSWIRE) — Duck Creek Technologies ผู้ให้บริการโซลูชันอัจฉริยะที่กำหนดอนาคตของการประกันภัยทรัพย์สินและวินาศภัย (P&C) รวมถึงการประกันภัยทั่วไป ได้เปิดตัวโซลูชันการชำระเงินล่าสุดที่มุ่งเน้นการประกันภัย Duck Creek Payments Facilitator โซลูชันการชำระเงินแบบครบวงจรที่ทันสมัยนี้ตอบสนองความซับซ้อนของการชำระเงินในส่วนการประกันภัย โดยให้บริษัทประกันภัยเข้าถึงวิธีการชำระเงินดิจิทัลสำหรับทั้งการเก็บและจ่ายเงิน Duck Creek Payments Facilitator เสนอโซลูชันระดับโลก ที่นำความสามารถแบบเรียลไทม์ เช่น FedNow มารวมเข้ากับบริการการชำระเงินแบบดั้งเดิมและฟังก์ชันการทำงาน Banking as a Service (BaaS) เช่น การทำธุรกรรมผ่านการโอนเงินไปยังบัตร หรือกระเป๋าเงินดิจิทัล ตอนนี้ บริษัทประกันสามารถเก็บหรือจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือกรมธรรม์ โดยเลือกใช้เทคโนโลยีการชำระเงินใด ๆ ที่มีอยู่ในท้องตลาด “ภาพลักษณ์ของการประกันภัยที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในทุกวันนี้ บริษัทประกันจึงต้องการมากกว่าแค่โซลูชันทางธุรกรรม โดยต้องมีวิธีการที่ปลอดภัย ยืดหยุ่น และพร้อมรับมือกับอนาคตในการประมวลผลการชำระเงินทั่วโลก” คุณ Jess Keeney ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีแห่ง Duck Creek Technologies กล่าว “Duck Creek Payments Facilitator มอบความสามารถอย่างแท้จริงที่ช่วยให้บริษัทประกันจัดการการจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนในทันที และการชำระเบี้ยประกันแบบเรียลไทม์ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งทั้งหมดนี้ผ่านโซลูชันเดียวที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว” Duck Creek Payments รวมถึง Duck Creek Payments Facilitator และ Duck Creek Payments Orchestrator ได้เปิดตัวเมื่อต้นปีนี้ Duck Creek Payments Orchestrator ได้รับการออกแบบมาเพื่อผสานรวมกับระบบที่บริษัทประกันมีอยู่ได้อย่างราบรื่น ช่วยลดเวลาและต้นทุนในการผสานรวมของบริษัทประกันอย่างมาก ในขณะที่ยังคงเข้าถึงระบบชำระเงินทั่วโลกทั้งหมดได้ “ขณะที่เรายังสร้างนวัตกรรมและขยายข้อเสนอต่อไป สิ่งที่เรามุ่งเน้นยังคงเป็นการแก้ไขปัญหาวิกฤติมากที่สุดที่ลูกค้าของเรากำลังเผชิญ” คุณ Michael Jackowski ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Duck Creek Technologies กล่าว “Duck Creek Payments Facilitator ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อตอบสนองความต้องการเชิงปฏิบัติการเฉพาะตัวของบริษัทประกัน โดยการนำความสามารถนี้ใส่เข้าไปในแพลตฟอร์ม

Duck Creek Technologies เปิดตัว Payments Facilitator เพื่อสร้างโซลูชันการชำระเงินประกันภัยแบบครบวงจร

โซลูชันใหม่ช่วยให้การชำระเงินของบริษัทประกันง่ายขึ้น โดยมอบความสามารถในการทำธุรกรรมที่ปลอดภัยเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์ม Duck Creek ที่พิสูจน์แล้ว บอสตัน, Oct. 03, 2024 (GLOBE NEWSWIRE) — Duck Creek Technologies ผู้ให้บริการโซลูชันอัจฉริยะที่กำหนดอนาคตของการประกันภัยทรัพย์สินและวินาศภัย (P&C) รวมถึงการประกันภัยทั่วไป ได้เปิดตัวโซลูชันการชำระเงินล่าสุดที่มุ่งเน้นการประกันภัย Duck Creek Payments Facilitator โซลูชันการชำระเงินแบบครบวงจรที่ทันสมัยนี้ตอบสนองความซับซ้อนของการชำระเงินในส่วนการประกันภัย โดยให้บริษัทประกันภัยเข้าถึงวิธีการชำระเงินดิจิทัลสำหรับทั้งการเก็บและจ่ายเงิน Duck Creek Payments Facilitator เสนอโซลูชันระดับโลก ที่นำความสามารถแบบเรียลไทม์ เช่น FedNow มารวมเข้ากับบริการการชำระเงินแบบดั้งเดิมและฟังก์ชันการทำงาน Banking as a Service (BaaS) เช่น การทำธุรกรรมผ่านการโอนเงินไปยังบัตร หรือกระเป๋าเงินดิจิทัล ตอนนี้ บริษัทประกันสามารถเก็บหรือจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือกรมธรรม์ โดยเลือกใช้เทคโนโลยีการชำระเงินใด ๆ ที่มีอยู่ในท้องตลาด “ภาพลักษณ์ของการประกันภัยที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในทุกวันนี้ บริษัทประกันจึงต้องการมากกว่าแค่โซลูชันทางธุรกรรม โดยต้องมีวิธีการที่ปลอดภัย ยืดหยุ่น และพร้อมรับมือกับอนาคตในการประมวลผลการชำระเงินทั่วโลก” คุณ Jess Keeney ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีแห่ง Duck Creek Technologies กล่าว “Duck Creek Payments Facilitator มอบความสามารถอย่างแท้จริงที่ช่วยให้บริษัทประกันจัดการการจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนในทันที และการชำระเบี้ยประกันแบบเรียลไทม์ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งทั้งหมดนี้ผ่านโซลูชันเดียวที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว” Duck Creek Payments รวมถึง Duck Creek Payments Facilitator และ Duck Creek Payments Orchestrator ได้เปิดตัวเมื่อต้นปีนี้ Duck Creek Payments Orchestrator ได้รับการออกแบบมาเพื่อผสานรวมกับระบบที่บริษัทประกันมีอยู่ได้อย่างราบรื่น ช่วยลดเวลาและต้นทุนในการผสานรวมของบริษัทประกันอย่างมาก ในขณะที่ยังคงเข้าถึงระบบชำระเงินทั่วโลกทั้งหมดได้ “ขณะที่เรายังสร้างนวัตกรรมและขยายข้อเสนอต่อไป สิ่งที่เรามุ่งเน้นยังคงเป็นการแก้ไขปัญหาวิกฤติมากที่สุดที่ลูกค้าของเรากำลังเผชิญ” คุณ Michael Jackowski ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Duck Creek Technologies กล่าว “Duck Creek Payments Facilitator ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อตอบสนองความต้องการเชิงปฏิบัติการเฉพาะตัวของบริษัทประกัน โดยการนำความสามารถนี้ใส่เข้าไปในแพลตฟอร์ม